ในที่สุดปี 2020 ก็ผ่านไป นี่เป็นปีที่ไม่รู้ว่ารอดมาได้ยังไงเหมือนกัน มีเรื่องให้ได้ลุ้นกันทั้งปีจริง ๆ และมันก็ส่งผลต่อชีวิตของทุกคนรวมถึงเราด้วย บล็อกนี้จะมารำลึกความหลังว่าเราผ่านอะไรมาบ้าง
จริง ๆ มีมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่มาหนักจริง ๆ ตอนต้นปีไปจนถึงกลางปีเลย และกลับมาอีกครั้งช่วงสิ้นปีพอดี ชีวิตนี้ยังไม่เคยประสบกับโรคที่ส่งผลกับตัวเองขนาดนี้ นี่ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ในชีวิตที่ไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่ แต่วิกฤตครั้งนี้ก็ถือเป็นโอกาสดีที่ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ
เนื่องจากวิกฤติโควิดมาเยือน ทำให้เกิดการ lockdown เป็นเวลาพักใหญ่ แน่นอนว่าการจะไปเรียนที่มหาลัยหรือทำงานในออฟฟิศย่อมเป็นไปไม่ได้ เลยต้องทำงานและเรียนจากบ้านนั่นเอง
นี่เป็นทั้งโอกาสและหายนะสำหรับบางคน การเรียนหรือทำงานออนไลน์ไม่ได้เหมาะกับคนทุกคนแน่นอน ส่วนตัวรู้สึกว่าการ WFH ทำให้ชีวิตสบายขึ้นตรงที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทาง ตื่นสายกว่าเดิมได้นิดนึง แต่รู้สึกทำงานยากกว่าเดิมมาก ๆ เพราะเราเป็นคนที่จะไม่ทำงานถ้าบรรยากาศไม่พาไป ซึ่งการอยู่บ้านมันทำให้เส้นระหว่างงานกับพักผ่อนหายไป สุดท้ายก็ไม่รู้สึกอยากทำงานซักเท่าไหร่ อีกอย่างคือสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานยากมาก ปกติถ้าเจอหน้ากันมีอะไรก็เดินไปเรียกได้เลย
ส่วนการเรียนออนไลน์ก็มี challenge หลายอย่าง ทั้งฝั่งนักเรียนและอาจารย์ ฝั่งอาจารย์ก็ต้องปรับวิธีการสอนและการสอบ บางคนก็เปิด zoom สอน บางคนอัดวีดิโอให้ไปดูกันเอาเอง (ซึ่งส่วนใหญ่ก็ดูก่อนสอบกันแหละ) ส่วนข้อสอบก็ต้องปรับกันไป ข้อดีคือวิชาที่อัดวีดิโอไว้เราจะไปดูตอนไหนก็ได้ ทำให้ปรับตารางตัวเองได้ และข้อสอบหลายวิชาก็ดูง่ายลงไปด้วย แต่ข้อเสียคือการนั่งเรียนออนไลน์ไม่มีจริง เพราะสุดท้ายก็เปิด zoom ทิ้งไว้แล้วทำอย่างอื่นอยู่ดี
ไม่ใช่เรื่องที่ดี แต่คนมันไม่มีกะจิตกะใจจะเรียนอ่าาา
เนื่องจากออกไปซื้อข้าวไม่ได้ และทำอาหารไม่เป็น ก็เลยต้องใช้ Grab, foodpanda, LINE MAN ไปโดยปริยาย จนตอนนี้ใช้เป็นเรื่องธรรมดาแล้ว อยากกินอะไรก็หาในแอปเอาเลย แถมให้ตัดเงินในบัญชีไปเลย ความสะดวกสบายนี่มันน่ากลัวจริง ๆ
ช่วงจบปีสามต้องไปฝึกงานตามหลักสูตร ก็เลยได้ไปฝึกงานที่ Agoda ตอนแรกกลัวว่าจะโดนเทเพราะโควิด แต่สุดท้ายก็รอด รายละเอียดเกี่ยวกับการฝึกงานอยู่ในบล็อกเรียบร้อยแล้วทั้ง Part 1 และ Part 2 อย่าลืมไปอ่านกันนะครับ
จู่ ๆ ก็มีเมลจาก Tobias ที่เป็น CTO ของ Brikl มาชวนให้ไปลองสัมภาษณ์ดูเพราะ Riffy ขายให้ฟัง ตอนแรกเราก็ไม่ได้สนใจแม้จะเห็น Riffy ขาย Brikl อย่างเละเทะใน Facebook แต่ในเมื่อ CTO ชวนมีเหรอจะยอมทิ้งโอกาส ตอนสัมภาษณ์แอบเจอคำถามยากหลายข้ออยู่แต่สุดท้ายเราก็ผ่านสัมภาษณ์ในตำแหน่ง Backend engineer
ตอนนี้ทำงานที่นี่มาสองเดือนนิด ๆ แล้ว บอกเลยว่าประทับใจหลาย ๆ อย่างมาก ที่นี่มีเพื่อนร่วมงานที่ดีและเก่ง มีวัฒนธรรมในที่ทำงานที่ดี มีงานที่ท้าทายตลอดเวลา ได้ใช้ภาษาอังกฤษตลอดเวลา ออฟฟิศบรรยากาศดีมาก เหมาะกับการ work hard, play hard สุด ๆ และที่สำคัญคือเงินดีมาก
นอกจากนี้นี่เป็นโอกาสอันดีที่เราได้เจอหน้าและทำงานกับเหล่าเพื่อน ๆ ของ Riffy ที่เคยแต่รู้จักใน Facebook (และไม่รู้ด้วยว่าเค้ารู้จักเรารึเปล่า) ก็ถือว่าปีนี้ได้เพื่อนเพิ่มละ
บริษัทดีขนาดนี้ถ้าสนใจมาร่วมทีมกับเราได้ที่ brikl.com/career นะครับ อิอิ
เวอร์ชันก่อนหน้านี้จะแยกหน้า home กับ blog เป็นคนละ domain ก็เลยสงสัยว่าแล้วทำไมไม่รวมกันไปเลยล่ะ แล้วก็อยากปรับอะไรนิดหน่อยด้วย สุดท้ายก็ทำเวอร์ชันใหม่เสร็จช่วงฝึกงาน Agoda เสร็จพอดี แต่ก็ยังใช้ Gatsby เหมือนเดิมแหละ
Spoiler: ตอนนี้มีแผนจะเปลี่ยนไปใช้ Next เพราะ Image optimization สุดโหดนี่แหละ แต่หน้าจะต้องปีหน้าแล้วล่ะ...
เนื่องจากเห็นคนรอบข้างมี gadget น่าสนใจหลายอย่าง เราก็เลยจัดมาลองใช้บ้าง ทั้ง smart band/watch, keyboard, mouse, หูฟังใหม่ (over-ear ไว้เล่นเกมและ ear bud สำหรับพกพา) โดยเฉพาะช่วงโปร shopee นี่กดมาแบบไม่ยั้ง ซึ่งพอได้ใช้มันก็สะดวกสบายขึ้นจริง ๆ นะ และ gadget ส่วนใหญ่ก็เป็นเทคโนโลยีจีนราคาถูกที่ไม่ได้เลวร้ายไปกว่าแบรนด์ดัง ๆ ทำให้ประหยัดไปได้เยอะอยู่ คิดว่าปีหน้าคงไม่ได้ซื้อพวกนี้ยาว ๆ เพราะถังจะแตกเอา
ตอนแรกอยู่กับอาม่าที่แถว ๆ BTS กรุงธนบุรี แต่ด้วยปัญหาหลายอย่างบวกกับ Brikl อยู่ที่ BTS ปุณณวิถี ก็เลยย้ายมาอยู่บ้านเช่าแถวอ่อนนุชซะเลย ถือว่าสบายกว่าเก่าเยอะ
ปีที่แล้วยังเป็นประธานแต่แค่ไม่ค่อยได้ทำงาน แต่ในที่สุดปีนี้ก็ส่งไม้ต่อให้รุ่นน้องไปแล้ว ตอนนี้แทบจะไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่าชมรมทำอะไรกันอยู่ ประกอบกับโควิดทำให้ชมรมกร่อยไปนิดหน่อย หวังว่าปีหน้าเราจะได้กลับไป involve ในชมรมอีก
ปล. ปีนี้ก็โดนโยนลงน้ำเหมือนเคย นี่สามปีติดแล้วนะโว้ยยยย
พอทำงานกับเรียนที่บ้านนาน ๆ เข้ามันก็รู้สึกเบื่อกับง่วง จากที่ไม่เคยกินกาแฟก็ต้องกิน ไม่งั้นไม่เป็นอันตื่นแน่ ๆ ตอนนี้ก็กินได้แต่ไม่ได้ชอบอะไรขนาดนั้นอยู่ดี
หลังจากเล่าไปแล้วว่าปีนี้ทำอะไรมาบ้าง เราย้อนกลับไปดู Goal ที่ตั้งไว้สิ้นปีที่แล้วดีกว่า
จะเห็นว่าทำได้ครึ่งไม่ได้ครึ่ง ก็ยังดีที่ไม่ล้มเหลวไปซะทุกอย่าง
ย้อนดูของปีนี้ไปแล้ว มาตั้งเป้าสำหรับปีหน้าดีกว่า
โดยสรุปแล้วปีนี้สำหรับเราเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิต การเรียน (ขึ้นปีสี่แล้ว) และการงาน แม้จะเป็นปีที่เลวร้ายไปซักหน่อยแต่มันก็แลกกับโอกาสในการทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ถ้าเป็นปกติก็คงไม่ทำ สำหรับเรานี่เป็นก้าวสำคัญก้าวนึงในชีวิตเลยแหละ
ปีหน้าก็หวังว่าอะไร ๆ มันจะดีขึ้น ไม่ใช่ DLC ของภาคปี 2020 และขอให้เป็นปีที่ดีสำหรับทุกคนนะครับ
สำหรับปีนี้ขอลาไปก่อน พบกันใหม่ปีหน้า สวัสดีปีใหม่ครับ